พลังแห่งกรุณาคือการเยียวยาสูงสุด
เราจะชินกับคำว่า “การรักษา”(treatment) และ “การบำบัด”(therapy) แต่สำหรับคำว่า “เยียวยา”(healing) อาจจะยังไม่คุ้นเคย
การเยียวยามักจะใช้ในการรักษาโรคด้วย “พลังจิต” ทั้งพลังจิตของผู้รักษาเอง และพลังจิตของผู้รับการรักษา
“ความกรุณา”(compassion) จัดว่าเป็นพลังจิตอย่างหนึ่งที่มีอานุภาพสูง สามารถช่วยเยียวยารักษาโรคได้
การแพทย์ตะวันตกในยุคปัจจุบัน จัดว่าเป็นการใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยรักษาโรค แต่ก็ยังมีจุดอ่อนด้อยในหลายด้าน เหตุเพราะยังไม่เข้าใจขบวนการด้านในและการเป็นไปของชีวิต
การแพทย์ทิเบต จัดว่าเป็นการแพทย์แบบดั้งเดิมที่เข้าใจขบวนการเยียวยาด้วย “พลังความกรุณา” โดยการผสมผสานการใช้ยาสมุนไพร การฝึกสมาธิแสงสีขาว การภาวนาทงเลน(การเจริญเมตตากรุณา) การสวดมนตร์บูชาพระพุทธเจ้าแห่งการเยียวยา(ไภษัชยคุรุ) การเพ่งเทพนิมิต การเดินทักษิณาวรรตรอบพระสถูป พระธาตุ การเสกและดื่มนำ้มนตร์ การปล่อยสัตว์ การอุทิศบุญกุศล ฯลฯ
การเยียวยาด้วยวิธีการเหล่านี้ ถ้าทำด้วยความเข้าใจ จิตศรัทธาอย่างแรงกล้า และมีความเพียรไม่ลดละ โรคร้ายทั้งปวงก็จะถูกขจัดปัดเป่าออกไป มีได้ตั้งแต่หายจากโรคโดยสิ้นเชิง อาการของโรคทุเลาลง และถึงแม้โรคทางกายไม่หาย แต่ใจของผู้ป่วยก็มีความสุขสงบ และพร้อมที่จะเผชิญความตายที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างมั่นคงปราศจากความกลัว ความกังวล และความยึดติดกับสิ่งต่างๆในชีวิต
ความเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายล้วนเป็นวิบากกรรมที่มีรากเง้ามาจากอกุศลจิต แต่เราก็สามารถใช้ความเจ็บป่วยนี้เป็นเครื่องมือให้เราได้เรียนรู้ชีวิต ลดทิฐิมานะ ให้เรากลับมาสนใจดูแลเอาใจใส่ตัวเราและผู้อื่น เป็นแรงบันดาลใจให้เราหมั่นสร้างกุศลกรรม และช่วยบังคับให้เราปฏิบัติภาวนา
“ความกรุณา” คือการปฏิบัติภาวนา เป็นการเยียวยาที่มีพลังมาก เริ่มที่ความกรุณาต่อตัวเอง และต่อชีวิตอื่นๆทุกชีวิต
จิตใจของเราสามารถเป็นหมอ เป็นนักจิตวิทยา และเป็นครูได้ ด้วยการเสริมสร้างพลังความกรุณา
ขอให้ “พลังความกรุณา” รวมทั้ง “พลังการเยียวยาแห่งองค์พระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุ” จงเพิ่มพูนในจิตใจของเพื่อนๆทุกท่านด้วยเทอญ
รักจากหมอคิม
9 พฤศจิกายน 2561
ปล. กราบขอบพระคุณครูเล็ก เอกชัย สถาพรธนพัฒน์ Ekachai Staporntonapat ที่มอบหนังสือดีเล่มนี้ครับ